วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

ระหว่างที่ผมกำลังนั่งทำรายงานวิชาการที่กำลังเรียนอยู่ ผมติดขัดกับการเขียนคำที่ถูกต้อง ของคำว่ากระตือรือร้นนั้นใช้ ล.ลิง หรือ ร.เรือ ด้วยความอยากรู้ ทำให้ต้องหาคำตอบ ปรากฎว่า นอกจากจะได้คำตอบที่ถูกต้องแล้วก็ยังไปเจอบทความ บทความหนึ่ง ที่น่าสนใจ ที่ขึ้นหัวข้อไว้น่าสนใจว่า "พนักงานที่กระตือรือร้น นำความสำเร็จสู่องค์กรได้อย่างไร" ของ รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์ ที่ตีพิมพ์ในกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 20 ธ.ค.48
ลองไปอ่านบทความนี้กันดูนะครับ

พนักงานที่กระตือรือร้น นำความสำเร็จสู่องค์กรได้อย่างไร?

ผู้อ่านเคยสังเกตความแตกต่างระหว่างองค์กรที่พนักงานมีความกระตือรือร้นในการทำงาน กับองค์กรที่พนักงานมีความเฉื่อยชา และขาดความกระตือรือร้นในการทำงานบ้างไหมครับ? ช่วงหลังๆ เราจะพบเห็นองค์กรที่มีลักษณะทั้งสองประการกันพอสมควร ในองค์กรที่พนักงานมีความกระตือรือร้น เราในฐานะลูกค้าก็อยากจะเข้าไปซื้อสินค้าและใช้บริการ

ในขณะที่หน่วยงานที่พนักงานมีแต่ความเฉื่อยชาขาดความกระตือรือร้น ก็เป็นสถานที่ๆ เราไม่อยากจะเข้าไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการถ้าไม่จำเป็น มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Enthusiastic Employee เขียนโดย David Sirota และทีมงาน ได้นำเสนอข้อมูลจากงานวิจัยของตนเองที่พบว่า มีความสัมพันธ์ที่พบได้อย่างชัดเจนระหว่างการที่พนักงานมีความกระตือรือร้นในการทำงานกับผลการดำเนินงานขององค์กร

สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวพบก็คือ โดยทั่วไปแล้วพนักงานที่เพิ่งเข้ามาทำงาน หรือเพิ่งเข้างานใหม่ จะมีความกระตือรือร้นในการทำงานอย่างสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เข้า ความกระตือรือร้นดังกล่าวก็เริ่มหมดไป หรือจางหายไป และสิ่งที่ทำให้เจ้าความกระตือรือร้นในการทำงานของพนักงานลดลง ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการ ของผู้บริหารนั้นเอง แสดงว่าในองค์กรที่มีการบริหารจัดการที่ไม่ดีและไม่เหมาะสมแล้ว จะส่งผลให้ความกระตือรือร้นในการทำงานของพนักงานลดลง

เมื่อเราเริ่มเข้าไปทำงานใหม่ๆ จะมีพบว่า มีความกระตือรือร้นในการทำงานสูง อยากจะทำสิ่งต่างๆ และพร้อมที่จะเสนอความคิดใหม่ๆ ตลอดเวลา จนมักจะถูกแซวว่า "เครื่องยังร้อนอยู่" หรือ "ยังไม่พ้นช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์" หรือ "คนใหม่ไฟแรง"

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงจะเกิดอาการ "เครื่องเย็น" หรือ "พ้นช่วง Honeymoon" หรือ "ไฟเริ่มมอด" ที่ความกระตือรือร้นในการทำงานลดน้อยลง ท่านผู้อ่านลองทบทวนดูซิครับว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร?

ทีนี้ก็มีงานวิจัยที่พบความสัมพันธ์ระหว่างขวัญ กำลังใจในการทำงานของพนักงาน กับความสำเร็จขององค์กร และขวัญ กำลังใจในการทำงานนั้น เป็นผลมาจากนโยบายและแนวทางในการบริหารของผู้บริหาร อีกทั้งขวัญ กำลังใจ จะส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการทำงานของพนักงานที่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน มักจะเป็นผู้ที่ทำงานหรือใส่ความพยายามเข้าไปในการทำงานมากกว่าที่งานนั้นต้องการจริงๆ

เช่น งานชนิดหนึ่งต้องการความพยายามของพนักงาน 100 ส่วน แต่ถ้าพนักงานมีความกระตือรือร้นในการทำงานแล้ว พนักงานผู้นั้นจะใส่ความพยายามลงไปในงานมากกว่า 100 ส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงานนานกว่าปกติ เพื่อให้งานสำเร็จออกมาอย่างถูกต้อง หรือการแสวงหาวิธีการใหม่ๆ ในการพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่รอปฏิบัติตามที่ผู้บริหารสั่ง หรือการคอยกระตุ้นเพิ่มร่วมงานให้ทำงานอย่างเต็มที่ หรือแม้กระทั่งการยินดีต้อนรับต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากกว่าการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง

โดยสรุปเราจะพบว่า พนักงานที่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน จะมีแรงจูงใจในการทำงานมากกว่าพนักงานปกติ ในทางกลับกันพนักงานที่ขาดความกระตือรือร้น และมีความรู้สึกเป็นปรปักษ์กับองค์กรก็จะมีแรงจูงใจเช่นเดียวกัน แต่เป็นแรงจูงใจที่จะไม่ทำงานและก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร

ความพยายามของนักวิชาการหลายๆ ท่าน ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรที่พนักงานมีความกระตือรือร้น กับผลประกอบการ นักวิชาการชื่อดังอย่าง Jeffrey Pfeffer ได้ศึกษาในเรื่องนี้แล้วพบว่า องค์กรใดที่มีพนักงานที่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน จะมีผลิตภาพสูงกว่าองค์อื่นประมาณ 30-40%

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยออกมาว่า องค์กรที่มีพนักงานที่มีขวัญและกำลังใจที่ดี จะมีผลตอบแทนจากการลงทุนดีกว่าบริษัทที่นำมาเปรียบเทียบจากอุตสาหกรรมเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีความพยายามในการสร้างโมเดลระหว่างปัจจัยเหล่านี้อีกด้วยนะครับ

โดยมีการมองว่า ความสัมพันธ์ระหว่างขวัญและกำลังใจของพนักงาน กับความสำเร็จขององค์กรนั้น เป็นปัจจัยที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นวงจรสำคัญนั้น คือ เมื่อพนักงานมีความกระตือรือร้นและขวัญกำลังใจที่ดี แล้วจะส่งผลให้ลูกค้ามีความพึงพอใจ ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร และจากการที่องค์กรมีความสำเร็จ ก็จะส่งผลให้พนักงานมีขวัญและกำลังเพิ่มขึ้น สุดท้ายก็จะกลายเป็นวงจรที่ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ

ในทางกลับกันวงจรดังกล่างอาจจะเป็นวงจรที่ไม่ดีก็ได้ นั้นคือเมื่อพนักงานไม่มีความกระตือรือร้นและขวัญกำลังใจ ก็จะทำให้ลูกค้าไม่พอใจ ส่งผลให้ผลประกอบการที่ไม่ดี และเมื่อผลประกอบการไม่ดี ผู้บริหารก็ต้องหาทางประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งย่อมจะส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของพนักงาน แล้วสุดท้าย ก็กลายเป็นวงจรที่ไม่ดีต่อไปเรื่อย

ทุกองค์กรคงไม่อยากจะให้เกิดวงจรที่ไม่ดีเกิดขึ้นนะครับ แต่คำถามสำคัญก็คือ แล้วอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงาน เกิดความกระตือรือร้นในการทำงาน? ซึ่งจากหนังสือเรื่อง The Enthusiastic Employee นั้น ปัจจัยทางด้านการบริหารที่สำคัญสามประการ สำหรับการสร้างความกระตือรือร้น ได้แก่ ความเสมอภาคยุติธรรม การบรรลุผลสำเร็จ และความสนิทสนมไว้วางใจภายในองค์กร

เป็นยังไงกันบ้างครับ หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้กันแล้ว สำหรับผม ผมคิดว่า ความกระตือรือร้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกองค์กร
ในการจะนำความสำเร็จมาสู่หน่วย ซึ่งองค์กรใดมีกำลังพลที่มีความกระตือรือร้นมาก องค์กรนั้นก็จะยิ่งประสบความสำเร็จมาก ดังนั้น เราควรปลูกฝังให้กำลังพลภายในหน่วยมีความกระตือรืนร้นกันมากๆ นั่นเอง

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

จุดเริ่มต้น

ก้าวแรกที่มีเริ่มมีเว็บบล็อกเป็นของตัวเอง


มันไม่ยากอย่างที่คิดไว้


ขอบคุณครูนนท์ (รอง ผอ.ฯ) และครูไก่ (นายตอน 4) ด้วยครับ


ที่เป็นแรงบันดาลใจและทำให้ผมเริ่มทำเว็บบล็อกขึ้นมา


ต่อไปนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครับ..